ชื่อเพลง
: 但愿人长久 (Dàn yuàn rén chángjiǔ)
(ขอให้มีชีวิตที่ยืนยาว)
ศิลปิน
: เติ้งลี่จวิน
จากบทกวีอันไพเราะของปราชญ์ลือชื่อ
ซูตงโพ สู่บทเพลงอมตะ
明月几时有
Míngyuè jǐshí yǒu
จันทร์กระจ่างฟ้าจักมีในยามใด
把酒问青天
Bǎjiǔ wèn qīngtiān
ยกจอกสุราขึ้นถามต่อฟ้า
不知天上宫阙 今昔是何年
明月几时有
Míngyuè jǐshí yǒu
จันทร์กระจ่างฟ้าจักมีในยามใด
把酒问青天
Bǎjiǔ wèn qīngtiān
ยกจอกสุราขึ้นถามต่อฟ้า
不知天上宫阙 今昔是何年
Bùzhī tiānshàng
gōngjué jīnxī shì hé nián
ไม่อาจรู้ ว่าวิมานบนสรวงสวรรค์ ณ ยามนี้เป็นปีไหน
我欲乘风归去
ไม่อาจรู้ ว่าวิมานบนสรวงสวรรค์ ณ ยามนี้เป็นปีไหน
我欲乘风归去
Wǒ yù chéng fēng guī
qù
ข้าใคร่โดยสารวายุกลับไป
唯恐琼楼玉宇
ข้าใคร่โดยสารวายุกลับไป
唯恐琼楼玉宇
Wéikǒng qióng lóu
yùyǔ
แต่เกรงวิมานหยกอันงดงาม
高处不胜寒 起舞弄清影
แต่เกรงวิมานหยกอันงดงาม
高处不胜寒 起舞弄清影
Gāo chù bùshèng hán
qǐwǔ nòng qīng yǐng
ยิ่งสูงยิ่งเหน็บหนาว ร่ายรำเพื่อสร้างเพียงรูปเงาเสมือน
何似在人间
ยิ่งสูงยิ่งเหน็บหนาว ร่ายรำเพื่อสร้างเพียงรูปเงาเสมือน
何似在人间
Hé shì zài rénjiān
ไหนเลยเทียบได้กับโลกมนุษย์
* 转朱阁 低绮户 照无眠
ไหนเลยเทียบได้กับโลกมนุษย์
* 转朱阁 低绮户 照无眠
Zhuǎn zhū gé dī qǐ hù
zhào wúmián
เดือนเคลื่อนคล้อยสาดแสงแดงชาดจนผู้คนมิอาจหลับใหล
不应有恨 何事长向别时圆 (别时圆)
เดือนเคลื่อนคล้อยสาดแสงแดงชาดจนผู้คนมิอาจหลับใหล
不应有恨 何事长向别时圆 (别时圆)
Bù yìng yǒu hèn héshì
zhǎng xiàng bié shí yuán
(bié shí yuán)
ไม่ควรคั่งแค้นไม่ว่าเรื่องใด เมื่อห่างกันไกลต่างคลี่คลาย
人有悲欢离合
ไม่ควรคั่งแค้นไม่ว่าเรื่องใด เมื่อห่างกันไกลต่างคลี่คลาย
人有悲欢离合
Rén yǒu
bēihuānlíhé
อันมนุษย์ล้วนมี สุข-ทุกข์ พบ-พราก
月有阴晴圆缺
อันมนุษย์ล้วนมี สุข-ทุกข์ พบ-พราก
月有阴晴圆缺
Yuè yǒu yīn qíng
yuán quē
ดั่งเดือนขึ้น-แรม เต็มดวงหรือเพียงเสี้ยว
此事古难全 但愿人长久 千里共婵娟**
ดั่งเดือนขึ้น-แรม เต็มดวงหรือเพียงเสี้ยว
此事古难全 但愿人长久 千里共婵娟**
Cǐ shì gǔ nán quán
dàn yuàn rén chángjiǔ
qiānlǐ gòng chánjuān
เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนาน เพียงหวังให้คนห่างไกลมีชีวิตยืนยาว
ในพันลี้ได้ร่วมชมแสงจันทร์กระจ่างด้วยกัน
ซ้ำ * - **
เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนาน เพียงหวังให้คนห่างไกลมีชีวิตยืนยาว
ในพันลี้ได้ร่วมชมแสงจันทร์กระจ่างด้วยกัน
ซ้ำ * - **
บทความเพิ่มเติม
บทเพลงนี้ เดิมเป็บทร้อยแก้ว (词) ซึ่งเป็นลักษณะของบทประพันธ์ที่นิยมในสมัยซ่ง แต่งขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วงในรัชสมัยของฮ่องเต้ซ่งเสินจง แห่งราชวงศ์ซ่ง โดยผู้ประพันธ์คือ ซูซื่อ หรือนามที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ “ซูตงโพ” โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ซูซื่อมีความเห็นขัดแย้งกับขุนนางหวังอันซื่อ และพรรคพวก ซึ่งต้องการจะปฏิรูปการปกครอง ซูซื่อจึงถูกย้ายไปรับราชการยังชายแดนที่ห่างไกล หลายครั้งหลายแห่ง เขาเคยขอย้ายไปรับราชการยังเมืองเดียวกับซูเจ๋อผู้เป็นน้องชาย แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเขาถูกย้ายไปรับราชการยังเมืองมี่โจว
ในเทศกาลไหว้พระจันทร์กลางฤดูใบไม้ร่วงของปีค.ศ. 1076 ซูซื่อที่เพิ่งสูญเสียภรรยา และต้องพัดพรากกับครอบครัวในวันที่ชาวจีนเชื่อกันว่าครอบครัวควรอยู่พร้อมหน้า ทำให้เขาประพันธ์บทร้อยแก้วที่มีชื่อเสียงบทหนึ่งขึ้นมา ซึ่งสะท้อนความรู้สึกที่ซับซ้อนในจิตใจเขาได้เป็นอย่างดี ว่าไม่พอใจกับสถานการณ์ที่การเมืองยังคงไม่มั่นคง สิ้นหวัง ทั้งตนเองต้องหากจากครอบครัวพี่น้อง แต่กระนั้นในบทประพันธ์นี้ ก็ยังคงสอดแทรกความรู้สึกทนุถนอมชีวิต เห็นคุณค่าของชีวิตและยังมีจิตใจที่แจ่มใสอยู่ด้วย
Credited by :
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000092570
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น